วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การเข้าหัว RJ45

อุปกรณ์ที่ใช้


สาย UTP หรือที่เราเรียกสั้น ๆ กันว่า สาย LAN  และ หัว RJ-45

 
Crimping หรือ คีมแค้มสาย หรือคีมเข้าหัว RJ-45 และ คัดเตอร์เพื่อปลอกสาย UTP (สาย LAN)
  
Modular Plug boots หรือ Boot ครอบหัว RJ-45 และสาย LAN สำเร็จรูป ได้ดูหน้าตาของอุปกรณ์กันไป ต่อไปเรามาดูวิธีการเรียงสายในแต่ละแบบ ถ้าต้องการต่อจาก HUB ไปที่เครื่องคอมฯ
เราจะใช้ TIA/EIA568A หรือ B ก็ได้ครับเลือกเอาแบบใดแบบหนึ่ง แต่ถ้าเราต้องการเชื่อมต่อเครื่องคอมฯ 2 เครื่องเข้าด้วยกันหรือต่อจากเครื่องคอมฯเข้า Rounter ก็ไปดูในส่วนของ CrossOver
หมายเหตุ อุปกรณ์สมัยใหม่เราอาจจะไม่ต้องใช้แบบ CrossOver เพราะมันจะทำการ CrossOver ให้เราเองเลยอัตโนมัติถึงแม้เราจะใช้สาย LAN ที่เข้าสายแบบธรรมดาก็ตาม

การจัดเรียงสายสัญญาณจาก ซ้าย —> ไปขวา นะครับ
การเรียงสาย UTP แบบธรรมดาแบบ A (แบบไขว้) ตามมาตราฐาน TIA/EIA 568A (10/100)


การเรียงสาย UTP แบบธรรมดา แบบ B (แบบตรง) ตามมาตราฐาน TIA/EIA 568B (10/100)

การเรียงสาย UTP แบบ CrossOver แบบ 10/100

ขั้นตอนการเข้าสาย LAN
1. ใช้มีดปอกสายสัญญาณที่เป็นฉนวนหุ้มด้านนอกออกให้เหลือแต่ สายบิดเกลียวที่อยู่ด้านใน 8 เส้นแล้วก็จะเห็นด้ายสีขาว ๆ อยู่ให้ตัดทิ้งได้ โดยการปอกสายสัญญาณนั้นให้ปอกออกไว้ยาว ๆ หน่อยก็ได้ครับประมาณสัก 1 เซ็นครึ่งก็น่าจะได้นะตามตัวอย่างดังรูป


2. ใส่ Modular Plug boots เข้ากับสาย UTP ด้านที่กำลังจะต่อกับหัว RJ-45 ไว้ก่อนเลยดังรูป


3. ปอกสายเสร็จแล้วก็ให้ทำการแยกสายทั้ง 4 คู่ที่บิดกันอยู่ออกเป็นคู่ ๆ ก่อนโดยที่ให้แยกคู่ต่าง ๆ ตามลำดับต่อไปนี้

A. ส้ม-ขาวส้ม —> เขียว-ขาวเขียว —> น้ำเงิน-ขาวน้ำเงิน —> น้ำตาล-ขาวน้ำตาล

จากนั้นจึงค่อยมาทำการแยกแต่ละคู่ออกมาเป็นเส้น โดยให้ไล่สีต่าง ๆ เรียงกันตามสูตรการเรียงสาย UTP ที่ผมได้เกริ่นไปแล้วในตอนแรก ๆ ดังนี้ 
B. ขาวส้ม —> ส้ม —> ขาวเขียว —> น้ำเงิน —> ขาวน้ำเงิน —> เขียว —> ขาวน้ำตาล —> น้ำตาล


4. หลังจากนั้นให้ใช้คีมตัดสายสัญญาณที่เรียงกันอยู่นี้ให้มีระบบปลายสายที่เท่ากันทุกเส้น โดยให้เหลือปลายสายยาวออกมาพอสมควร จากนั้นก็ให้เสียบเข้าไปในหัว RJ-45 ที่เตรียมมา โดยให้หันหัว RJ-45 ดังรูปจากนั้นค่อย ๆ ยัดสายที่ตัดแล้วเข้าไป โดยพยายามยัดปลายของสาย UTP เข้าไปให้สุดจนชนปลายของช่องว่าในหัว RJ-45 ก่อนยัดต้องดูด้วยนะครับว่าสายที่เราเรียงไว้มันสลับที่กันหรือเปล่า


5. จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเชื่อมต่อสายสัญญาณในช่วงนี้ก็คือต้องยัดฉนวนหุ้มที่หุ้มสาย UTP นี้เข้าไปในหัว RJ-45 ด้วย โดยพยายามยัดเข้าไปให้ได้ลึกที่สุดแล้วกัน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการหักงอของสายง่ายและเป็นการยึดสายให้ติดกับหัว RJ-45 ไม่ให้หลุด โดยให้ยัดเข้าไปให้ได้ดังรูป


6. นำเข้าไปใส่ในช่องที่เป็นช่องแค้มหัวของ RJ-45 ในคีมที่จะใช้แค้มหัว หรือ Crimping Tool ให้ลงล็อกของคีมพอดี จากนั้นก็ให้ทำการกดย้ำสายให้แน่น เพื่อให้ Pin ทีอยู่ในหัว RJ-45 นั้นสัมผัสกับสายทองแดงที่ใส่เข้าไป จากรูปผมใช้คีมแค้มหัว RJ-45 สีดำ ไม่ต้องแปลกใจนะครับเพราะแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะหน้าตาแตกต่างกันออกไปครับ แต่การใช้งานเหมือนกันทุกประการ


7. เป็นอันเสร็จครับ และสายอีกด้านก็ทำตามขั้นตอนเดิม จากขั้นตอนแรก ถึงขั้นตอนสุดท้ายเหมือนเดิม อ้อ อย่าลืมเอา Boot ครอบหัว RJ-45 ใส่ก่อนนะครับ เพราะถ้าลืมก็เซ็งเลยครับ อีกข้างมี Boot แต่อีกข้างไม่มี อืม ก็เท่ห์ไปอีกแบบเน้อ  !!!

ที่มา : http://liblog.dpu.ac.th/tit/

สายแลน

สายที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ที่เรียกว่า Switch หรือ HUB (แต่เราสามารถเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเช่นกัน)? สายแลนมีอยู่หลายประเภท แต่ละประเภทจะมีความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณแตกต่างกันออกไป? สำหรับปัจจุบันสายแลนที่นิยมใช้กันมากคือ?UTP (UNSHIELD TWISTED PAIR) คือ สายตีเกลียวที่ไม่มีตัวป้องกัน??ส่วนหัวที่ใช้ในการเชื่อมต่อสายแลนเรียกว่า RJ45

ประเภทของสาย UTP

  • UTP CAT5 คือ สายแลน ที่เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วที่ต่ำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 100 Mbps? (ไม่เป็นที่นิยมใช้กันแล้ว)
  • UTP CAT5e คือ สายแลนที่เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วที่ต่ำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 1 Gpbs
  • UTP CAT6 คือ?สายแลนที่เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วที่ต่ำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 10 Gpbs BANWIDTH อยู่ที่ 250MHz
  • UTP CAT7 คือ สายแลนที่เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วที่ต่ำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 10 Gpbs BANWIDTH อยู่ที่ 600MHz
ทิปการเลือกซื้อ การเลือกสายแลนเพื่อนำมาใช้ แนะนำให้เลือกควบคู่กับอุปกรณ์ Switch หรือ HUB ด้วย?(Switch ส่วนใหญ่ในปัจุจบันมีความเร็ว 10/100/1000 Mbps)?เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้เชื่อมต่อกันตลอดเวลา สำหรับประเภทของสายแลนขั้นต่ำทีเราเลือกซื้อคือ UTP CAT5e หรือ UTP CAT6? ส่วนสาย UTP CAT7 ยังไม่เป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน
ที่มา : http://www.it-guides.com/